Cloud
- เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาด COVID-19 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมการทำงานของกิจการแตกต่างไปจากเดิมที่ต้องนั่งทำงานที่ สำนักงาน เพียงอย่างเดียวก็สามารถที่จะทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home ซึ่งเป็นทางเลือกในการลดการแออัดของคนในสถานที่ทำงานลงได้
- แต่เราจะเห็นได้ว่าการทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home นั้น จำเป็นจะต้องมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างเข้ามาประกอบเพื่อทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การประชุม ไฟล์เอกสารงาน ไฟล์นำเสนองาน แอพพลิเคชั่น ระบบการทำงานร่วมกัน และระบบประมวลผลงาน ก็ยังคงต้องอาศัยการทำงานที่สำนักงานเป็นหลัก
- แต่ด้วยเทคโนโลยีในวันนี้ เราสามารถที่จะเลือกใช้ระบบบริการออนไลน์แบบ Cloud เป็นทางเลือกหลักของยุค New Norma lโดยสามารถทำงานร่วมกันกับระบบเซิฟเวอร์ภายในองค์กร (On Premise: Hyperconverged Infrastructure) ได้ในแบบ Hybrid Cloud โดยในส่วน Cloud สามารถขยับขยายทรัพยากรของเซิฟเวอร์ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว
- เราจึงเล็งเห็นประโยชน์ของ Cloud Computing ในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น
1.Software as a service (Saas) ที่เป็นบริการทางด้านซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นเฉพาะทาง พร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องดูแลระบบเซิฟเวอร์ด้วยตนเอง ขึ้นระบบด้วยผู้ชำนาญของซอฟต์แวร์ เป็นการสมัครใช้งานแล้วสามารถใช้งานได้แอพพลิเคชั่นได้ทันที เช่น Gmail, Google Docs เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน (End-User)
2.Platform as a service (Paas) ที่เป็นบริการทางด้านแพลตฟอร์ม (สามารถจัดการแอพพลิเคชั่นและระบบฐานข้อมูลได้) พร้อมใช้งานได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับนักพัฒนาระบบ (Developer)
3.Infrastructure as a service (Iaas) ที่เป็นบริการทางด้านหน่วยประมวลผล (สามารถจัดการกับเซิฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความซับซ้อนทางด้านระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คของแต่ละอุปกรณ์)
ประเภทของ Cloud และผู้ใช้งานในแต่ละส่วน
เหตุผลในการใช้งานระบบคลาวด์
1.ไม่ต้องการดูแลเซิฟเวอร์ด้วยตนเอง (Public Cloud)
2.องค์กรขนาดกลาง ต้องการทำ Hybrid Cloud ที่มีเซิฟเวอร์ของตนเองและใช้บริการบนคลาวด์ (เช่น สำรองข้อมูล, ประมวลผลออนไลน์, Online API เป็นต้น)
3.มีการใช้งานเซิฟเวอร์แบบไม่แน่นอน (ในแต่ละวันทำการประมวลผลบางช่วงเวลา เช่น ทำ Data Analytics แบบอัตโนมัติในช่วงเวลา 23:00 – 01:00 ของวัน แต่ในเวลาอื่น ทำการวิเคราะห์แบบ Manual ไม่มาก)
4.ขอบเขตความสามารถของเซิฟเวอร์ยังไม่นิ่ง ยังมีการลด-เพิ่ม ทรัพยากรของเซิฟเวอร์
5.ประมวลผลเป็นจำนวนมาก (หากนำมาใช้ร่วมกับระบบอื่น จะทำให้ระบบช้า)
1.Collaboration (การทำงานร่วมกัน) มีเครื่องมือและระบบทำงานร่วมกัน สะดวก รวดเร็ว
พร้อมใช้งาน (Workspace, Business Application)
2.Compute (การประมวลผล) ใช้เป็นส่วนจัดการหน่วยประมวลผลหรือ instance ต่าง ๆ
(Kubernetes, Compute Engine, Lightsail, Lambda, Cloud Search, EMR, Athena)
3.Storage (การจัดเก็บข้อมูล) ใช้ในการบันทึกข้อมูล สำรองข้อมูล คลังไฟล์และคลังรูปภาพออนไลน์ สามารถใช้งานร่วมกันได้ (Cloud Storage, Filestore, Persistent Disk, Simple Storage Service [S3], EBS, EFS)
4.Network (การจัดการเครือข่าย) ใช้ในการเข้าถึงทั้งแบบ Public และ Hybrid
ได้ มีการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Cloud DNS, Route53, Cloud Load Balance,
ELB, VPC)
5.DevOps (เชื่อมโยงและติดตั้ง) มีเครื่องมือแบบอัตโนมัติสำหรับผู้พัฒนาระบบช่วยให้สามารถ ประมวลผล ซอสโค้ดได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องดูเรื่องระบบแวดล้อม (CLI, Cloud Build, Cloud Code, Container Registry, Cloud Source
Repositories, Test Lab, Pub/Sub)
6.Database (ระบบฐานข้อมูล) มีระบบฐานข้อมูลพร้อมใช้ เพียงคลิกเลือก ฐานข้อมูล
ที่ต้องการ (Cloud Big Table, Cloud SQL, Aurora, RDS, Dynamo DB, Redshift, Time Stream, Data Store, Firestore)
7.Security (ระบบความปลอดภัย) จัดการสิทธิ์การเข้าถึง ทั้งไฟล์วอลล์และแบบบัญชีผู้ใช้
พร้อมทั้งมีการใช้งาน กุญแจความปลอดภัย เป็นต้น (Identity Access Management: IAM, Key Management Service, CloudWatch, CloudTrail, System Manager, Grafana, Prometheus)